วันที่ 21 มกราคม 2568 เวลา 09.00 น. ณ ห้อง Warroom ชั้น 5 กรมการพัฒนาชุมชน

นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน มอบหมายให้นายไพโรจน์ โสภาพร รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานการประชุมชี้แจงแนวทางการเข้าร่วมมาตรการ “EASY E-RECEIPT 2.0” โดยมี นางวรนุช กรุงเกตุ นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน นางสาวณัฏฐ์พิชญา ยะใหม่วงค์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมผู้ประกอบการและวิสาหกิจชุมชน ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชนทุกจังหวัด เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนจังหวัด เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนอำเภอ และผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ทั่วประเทศ เข้าร่วมการประชุมผ่านระบบวิดีทัศน์ทางไกล (Video Conference) และ TV พช. และได้รับเกียรติจาก นางจันทร์เจริญ แบร์โรวส์ ผู้อำนวยการกองบริหารการเสียภาษีทางอิเล็กทรอนิกส์ กรมสรรพากร และนายจิตริน วิโรจน์สายลี ผู้บริหารบริษัท I am consulting เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้

นายไพโรจน์ โสภาพร กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดมาตรการ “EASY E-RECEIPT 2.0” สำหรับลดหย่อนภาษีสำหรับประชาชน สูงสุด 50,000 บาท เพื่อสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศให้เศรษฐกิจในภาพรวมขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง โดยผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สามารถหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม - 28 กุมภาพันธ์ 2568 ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1) สินค้าอุปโภคบริโภค แพ็คเกจท่องเที่ยว ไม่เกิน 30,000 บาท และสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ OTOP ไม่เกิน 20,000 บาท ทั้งนี้ การซื้อสินค้าประเภทที่ 2 สามารถใช้สิทธิลดหย่อนประเภทที่ 1 ได้เช่นกัน โดยการใช้สิทธิลดหย่อนจะใช้ได้เฉพาะที่เป็น E-Tax Invoice หรือ E- Receipt เท่านั้น ซึ่งกรมการพัฒนาชุมชนได้มีการประชาสัมพันธ์มาตรการดังกล่าว ผ่านเว็บไซต์กรมการพัฒนาชุมชน Facebook page กรมการพัฒนาชุมชน ฯลฯ สำหรับการประชุมฯ ในครั้งนี้ มีการบรรยาย 2 หัวข้อ ประกอบด้วย แนวทางการสมัครเข้าร่วมมาตรการ Easy E-Receipt 2.0 และขั้นตอนการขึ้นทะเบียน e-Tax Invoice &-Receipt เพื่อให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ที่สนใจเข้าร่วมมาตรการ EASY E-RECEIPT 2.0 มีความรู้ความเข้าใจ สามารถใช้งานระบบ E-Tax Invoice & E-Receipt ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้ ไปอำนวยความสะดวกและเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ให้สามารถเข้าถึงมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลและตอบสนองผู้บริโภคในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน